Insight / Baan Issara Bangna

แต่งบ้านอย่างมีสไตล์ By Olivia Living

การตกแต่งบ้านที่มีดีไซน์ให้รองรับทุกคน ยังสามารถช่วยให้เรากำหนดฟังก์ชั่นให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อเป็นการเติมเต็มความสุขให้กับสมาชิกในบ้านได้อีกด้วย



เพราะบ้านเป็นจุดศูนย์รวมการอยู่อาศัยของทุกคนในครอบครัว ที่ช่วยเติมเต็มความสุข กำลังใจให้กันและกัน ผู้อยู่อาศัยในบ้านจึงรายล้อมไปด้วยหลากหลายเจนเนอเรชั่น ดังนั้นการตกแต่งบ้านให้ตอบโจทย์ของผู้อยู่อาศัยจึงไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้น แต่การตกแต่งบ้านที่มีดีไซน์ให้รองรับทุกคน ยังสามารถช่วยให้เรากำหนดฟังก์ชั่นให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อเป็นการเติมเต็มความสุขให้กับสมาชิกในบ้านได้อีกด้วย


วันนี้ Issara Life Blog คอลัมน์ Issara Insight จะพาท่านผู้อ่านมาชมการออกแบบดีไซน์บ้าน พร้อมการเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงาม ไปกับ ‘โอลิเวีย ลีฟวิ่ง’ (Olivia Living) ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์แบรนด์พรีเมียมระดับโลก และอินทีเรียดีไซน์ด้านการออกแบบตกแต่งภายในอย่างครบวงจร กับการดีไซน์บ้านให้เข้ากับโครงการบ้านอิสสระ บางนา (Baan Issara Bangna) บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ จะมีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่เป็นไฮไลท์บ้าง มาติดตามกันค่ะ


สำหรับการดีไซน์บ้านหลังนี้เป็นบ้าน Type ที่ชื่อว่า “ABELLIA” มีพื้นที่ใช้สอย 700 ตารางเมตร เป็นแบบบ้าน 3 ชั้น ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่มีผู้อยู่อาศัยหลายหลายวัย ดังนั้น โอลิเวีย ลีฟวิ่ง จึงนำสไตล์การตกแต่งที่มีความ Modern Luxury สะท้อนให้เห็นถึง “บ้าน” ที่เป็นจุดศูนย์รวมในการอยู่อาศัยของทุกคนในครอบครัว มีความโอ่อ่า หรูหรา ทันสมัย แต่ยังคงความเรียบง่าย ด้วยการเลือกใช้โทนสีโดยรวมของบ้านที่เป็นสีเทาอ่อน สีเบจ เป็นสีหลักในการตกแต่ง พร้อมคัดสรรเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจากแบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก มา มิกซ์แอนด์แมทซ์ คัสตอมไมซ์วัสดุ โทนสี ให้แตกต่างตามฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมคำนึงถึงการจัดสรรพื้นที่ใช้งานตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย เราลองมาไล่เรียงกันในแต่ละชั้นว่าจะมีความหรูหร่า โอ่อ่ามากแค่ไหน

ชั้นแรกมีการแบ่งโซนพื้นที่ใช้สอยทั้งในส่วนของโซน Living Area โซน Dining Area และแบ่งพื้นที่ไว้เป็น ห้องนอนรับแขก หรือ Guest Room ที่เน้นออกแบบตกแต่งให้มีความเป็นส่วนตัว เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดไม่ใหญ่เกินไป ทำให้ห้องมีพื้นที่กว้าง โล่ง สะดวกสบายต่อการใช้งาน ขณะที่ในส่วนของ Living Area ถือเป็นมุมของทุกคนในครอบครัวที่ได้มาใช้พื้นที่ส่วนนี้ร่วมกัน จึงมีการออกแบบให้สามารถเชื่อมกับโซน Dining Area และครัว Pantry การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โซนนี้จึงได้นำโซฟา TIMOTHY Collection จาก แบรนด์ Meridiani นำเข้าจาก Italy เป็น Modular sofa 2 ชิ้นต่อกัน ในรูปทรงที่โปร่ง พนักพิงไม่สูงจนเกินไป สามารถปรับการใช้งานตามฟังก์ชั่นของห้องได้ ด้านโซน Dining Area มีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันเข้ามาในส่วนของเก้าอี้ โต๊ะรับประทานอาหารที่เป็นสีส้ม Amber เพื่อ ให้เป็นจุดดึงสายตา และยังช่วยตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลเทา ที่ใช้เป็นสีของเฟอร์นิเจอร์หลักของชั้นนี้ ทำให้บรรยากาศบ้านดูหรูหรา โอ่อ่า แต่ยังคงมีความสดใสซ่อนอยู่ นอกจากนี้ไฮไลท์ของโซนนี้ยังประดับด้วย Sirena Smoke Glass Rectangular Chandelier 59’ จากแบรนด์ Restoration Hardware นำเข้าจาก America ได้รับแรงบันดาลใจจากโคมไฟระย้าสไตล์เวนิสในยุค 1950 ของเมืองมูราโน่ ประเทศอิตาลี ผสมผสานงานฝีมือการผลิตแก้วแบบดั่งเดิมเข้ากับสไตล์สมัยใหม่ ช่วยหล่อหลอมแสงให้เกิดความอบอุ่น ซึ่งมีเพียงตัวเดียวในประเทศไทย ขณะที่ในส่วนของ Pantry มีการปรับรูปแบบให้มีความแตกต่างมากขึ้นด้วยการเพิ่มเก้าอี้สตูล ปรับรูปทรงครัวไอแลนด์ เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานให้เป็นเป็นมุมปาร์ตี้สังสรรค์เบาๆ ได้


ชั้น 2 มีการแบ่งเป็น 4 ห้อง 4 ฟังก์ชั่น ประกอบด้วย Family Room, Junior Master Bedroom, Girl’s Room และ Spa Room โดยห้อง Family Room ออกแบบมาเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง ดังนั้นการเลือกเฟอร์นิเจอร์จึงได้นำลูกเล่นของความโค้งมน ทำให้ห้องนี้ดูมีความผ่อนคลาย เป็นกันเอง ขณะที่ห้อง Junior Master Bedroom ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกันกับ Family Room เปรียบเสมือนเป็น Penthouse ของครอบครัว มีการออกแบบห้องให้มีความเป็น Contemporary ออกไปทาง Masculine จึงมีการเลือกใช้สีภายในห้องนอนให้ดูมีความสดใสมาตัดกับสีดำ บริเวณ Foyer ที่เดินเข้ามามีการนำ Artwork จากแบรนด์ Leftbank Art มาตกแต่ง ส่วนห้อง Girl’s Room วางคอนเซ็ปต์ให้เป็นห้องนอนของลูกสาว ดังนั้นห้องนี้จะมีความเป็น Feminine สีสันสดใส ตกแต่งด้วยสีโทนฟ้า เขียวมิ้นต์ มีการใช้ผนังลอน เพื่อทำให้ห้องดูอ่อนโยน แต่ยังคงความสดใสจากสีของเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้ในส่วนของชั้น 2 ยังมีการปรับฟังก์ชั่นห้องให้เป็น Spa Room เพื่อให้บ้านมีพื้นที่การใช้งานได้มากขึ้นนอกจากการทำเป็นห้องนอน สำหรับห้องสปานี้มีความ เป็นส่วนตัว และเป็นการปรับตามเทรนด์การสร้างพื้นที่ใช้สอย หรือพื้นที่ในการทำกิจกรรมที่ผู้อยู่อาศัยไม่สะดวกที่จะออกไปทำข้างนอก ซึ่งห้องนี้มีการออกแบบให้ดูมีลูกเล่น มีการใช้สีฟ้าอมเขียว ทำให้ดูสดใส และผ่อนคลาย


ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นห้อง Master Bedroom ซึ่งห้องนี้มีการแบ่งฟังก์ชั่นของห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องทำงาน อย่างชัดเจน ห้องนี้เปรียบเป็นห้องของคุณพ่อ คุณแม่ ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มีความสุขุม เยือกเย็น จึงมีการเลือกใช้สี Steel Blue & Gold ในการตกแต่งห้องให้ดูผ่อนคลาย และสบายตา ส่วน Walk-in closet จะแบ่งการใช้งานอย่างชัดเจน โดยมีที่นั่งสำหรับแต่งหน้า 2 ที่ พร้อมกระจกบานใหญ่ ตู้เสื้อผ้ายาว 2 ฝั่ง แยกชาย-หญิง


ส่วนอีกหนึ่งห้องสุดท้ายคือ Elder Room เป็นห้องที่อยู่ติดกับลิฟท์โดยสาร การออกแบบคำนึงถึงการใช้งานของผู้สูงอายุ ให้ความสำคัญกับพื้นที่ห้องที่กว้างขวาง จัดสรรพื้นที่รองรับสำหรับ Wheelchair มีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความโค้งมน มีการใช้โทนสีสว่างให้กับห้อง ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาล สีทอง ด้าน Walk-in closet จะไม่มีประตูกั้น เพราะคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก


และนี่ก็เป็นตัวอย่างงานอินทีเรียดีไซน์จาก ‘โอลิเวีย ลีฟวิ่ง’ (Olivia Living) ที่ได้ให้แนวคิด และเทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์ไว้ว่าสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอันดับแรกของงานตกแต่งคือเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งาน หากเราเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมในแต่ละห้อง สำหรับทุกคนในบ้านไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ นอกจากความสวยงามที่ได้แล้ว ยังช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับสมาชิกที่อยู่อาศัยภายในบ้านได้อีกด้วย