Guide

เจาะลึก NFT สู่ความมั่งคั่งในโลกดิจิทัล

NFT คืออะไร ทำไมนักลงทุนถึงสนใจ และ ช่วยให้รวยมั่งคั่งได้จริงหรือ?

ในยุคปัจจุบันและอนาคต มนุษย์คงหนีไม่พ้นคำว่า “เทคโนโลยีดิจิทัล” ขึ้นอยู่กับว่า เป็นผู้สร้าง ผู้เสพ หรือ ผู้ฉลาดใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่หันมาสนใจ เทคโนโลยีบล็อกเชน คริปโทเคอร์เรนซี บิตคอยน์ และล่าสุด คือ เอ็นเอฟที (NFT) ที่มีมูลค่าตลาดในปี 2021 สูงถึง 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเว็บไซต์ dappradar.com (ข้อมูลจาก DappRadar ) ได้เปิดเผยว่ามีผู้เปิดบัญชีซื้อขายทั่วโลกประมาณ 2.7 ล้านราย กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงมากในช่วงนี้ และเกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับ NFT ว่า NFT คืออะไร ทำไมนักลงทุนถึงสนใจ และ ช่วยให้รวยมั่งคั่งได้จริงหรือ? ก่อนจะตอบคำถามเหล่านี้ อยากจะบอกว่า NFT เป็นเรื่องใหม่และยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บทความนี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่จะพยายามย่อยให้ง่ายที่สุดนะครับ

 NFT มีชื่อเต็มว่า NON-FUNGIBLE TOKEN เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่สามารถทำซ้ำ หรือ ลอกเลียนแบบได้ ถูกสร้างขึ้นมาบนเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยมีหลักการสร้างสำคัญ 3 ประการ คือ

1. Uniqueness = มีเอกลักษณ์เฉพาะ

2. Rarity = มีจำนวนจำกัด

3. Indivisibility = ไม่สามารถแบ่งซื้อขายเป็นหน่วยย่อย หรือแตกเหรียญย่อยและแลกเปลี่ยนเหมือนสกุลเงินทั่วไป (Fiat currency) แบบ เงินบาท หรือ สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เช่น Bitcoin นี่คือข้อแตกต่างที่สำคัญของ NFT เพราะ มีชิ้นเดียวและต้องซื้อทั้งจำนวน(ข้อมูลจาก Cointelegraph)

ในการสร้าง NFT เริ่มจากผู้สร้างออกแบบงานตามคุณสมบัติที่กล่าวมา โดยงานที่นำมาสร้างอาจจะเป็นผลงานที่มีอยู่ก่อนบนโลกจริงแล้วนำมาเข้ารหัสเปลี่ยนสภาพให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลต้นฉบับชิ้นเดียวบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ยกตัวอย่าง ภาพคอลลาจชื่อ Everydays: The First 5,000 Days ของศิลปิน Beeple เป็นการนำผลงานภาพวาดบนโลกจริง 5,000 ชิ้นที่สะสมมาเป็นเวลา 13 ปี นำมาเรียงร้อยใหม่ในภาพเดียวบนเทคโนโลยีบล็อกเชนกลายเป็นภาพใหม่ต้นฉบับบนโลกเสมือนจริง มีเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก เพราะเทคโนโลยีบล็อกเชนจะไม่อนุญาตให้เกิดการทำซ้ำ หรือ ลอกเลียนแบบได้ ผู้สร้างจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเพียงผู้เดียวและสามารถตรวจสอบสิทธิ์ความถูกต้องในบันทึกการซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดผ่านระบบเทคโนโลยีบล็อกเชนได้ตลอดเวลา

เมื่อผู้สร้างนำผลงานไปแปลงสภาพเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลได้แล้วบนแพลตฟอร์ม เช่น Mintable, OpenSea, Rarible หรือ Binance NFT ผู้สร้างก็นำ NFT ไปเทรดค้าขายในตลาดได้ โดยผู้ซื้อผู้ขายจะต้องมีบัญชีกระเป๋าตังค์ดิจิทัลเสียก่อน เช่น MetaMask Wallet หรือ Ronin Wallet ซึ่งการซื้อขาย NFT ก็จะเหมือนกับการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีทั่วไป คือ สามารถซื้อขาย NFT ด้วยสกุลเงินดิจิทัล โดย Ethereum จะเป็นสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมในการซื้อขาย NFT เพราะปกติ NFT ส่วนใหญ่จะใช้ Ethereum Blockchain บนมาตรฐาน ERC-721 และ ERC-1155 ในการแปลงสภาพสินทรัพย์บนโลกจริงให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบไฟล์ต่างๆ เช่น GIF, JPEG, หรือ MP3 ดังนั้น NFT จึงเป็นที่นิยมในแวดวงศิลปะ ความบันเทิง เกมส์ กีฬา และเสื้อผ้าแฟชั่น เหตุผลที่ NFT เป็นที่นิยมในวงการศิลปะแฟชั่น เนื่องจาก ผู้ซื้อ NFT ส่วนใหญ่เป็นนักสะสมงานศิลปะที่ชอบการลงทุนด้วยเช่นกัน นักสะสมมีแรงจูงใจในการซื้อ NFT เช่นเดียวกับการสะสมของมีค่าชิ้นเดียวในโลก ส่วนนักลงทุนที่สนใจลงทุนใน NFT เพราะรู้ว่าเขาสามารถนำ NFT มาขายต่อในตลาดได้ นักสะสมที่มีนิสัยนักลงทุนจะยอมควักตังค์จ่ายกับ NFT ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ ความภูมิใจในการครอบครองผลงานชิ้นเดียวในโลก และ สามารถขายต่อในราคาสูงๆได้


ตัวอย่างผลงาน NFT ที่มีการซื้อขายแพงๆ และชื่อเสียงดังระดับโลก เช่น ไฟล์ NFT ภาพ Everydays : The First 5,000 days ของ Beeple มูลค่า 2,204 ล้านบาท

ภาพ 1. เอฟรีเดส์: เดอะเฟิร์สท์ 5000 เดส์
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki

ไฟล์ NFT ภาพข้อความ Twitter สั้นๆ ชื่อว่า Just setting up my twttr ของ Jack Dosey ที่เขาใช้ทวิตเตอร์ครั้งแรก มูลค่า 87 ล้านบาท

ภาพ 2 : ภาพ First tweet by Jack Dorseys
ที่มา : https://www.adweek.com/media/want-to-buy-jack-dorseys-first-tweet-itll-be-2-5-million/

ไฟล์ NFT ภาพมีม “Disaster Girl” มูลค่า 15 ล้านบาท