Insight / The Issara Sathorn

“สวนเบญจกิติ” ป่าใหญ่ใจกลางเมือง

เมื่อพูดถึงสวนสาธารณะ หรือพื้นที่สีเขียวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางการเจริญเติบโตของตึกสูงในเมืองอย่างกรุงเทพฯ คุณค่าที่คุณนึกถึงคืออะไร?


เมื่อพูดถึงสวนสาธารณะ หรือพื้นที่สีเขียวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางการเจริญเติบโตของตึกสูงในเมืองอย่างกรุงเทพฯ คุณค่าที่คุณนึกถึงคืออะไร? ... ส่วนใหญ่คงตอบว่าเป็นพื้นที่สำหรับเดินเล่น ออกกำลังกาย และผ่อนคลาย เราคงมองภาพพื้นที่สีเขียวในฐานะอื่นๆ ไม่ออก ด้วยคุ้นชินกับ Function ของสวนสาธารณะแบบเดิม ๆ Issara Life Blog คอลัมน์ Issara Insight วันนี้จะชวนคุณมาทำความรู้จักกับคุณค่าของพื้นที่สีเขียว ปอดใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ ในมุมที่น่าสนใจของ “สวนเบญจกิติ” กันค่ะ

สวนเบญจกิติ เป็นสวนสาธารณะ – สวนป่ากลางเมือง ที่ตั้งอยู่ริมถนนอโศก - รัชดา บนพื้นที่ของโรงงานยาสูบเดิม ที่ได้น้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ เมื่อปี 2535 มีเนื้อที่รวม 453 ไร่ ถือเป็น Public Area ของกรุงเทพฯ ที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากสวนหลวง ร. 9 ที่มีพื้นที่ 500 ไร่


ด้วยการออกแบบ และพัฒนาพื้นที่ของทีมสถาปนิกที่มุ่งเน้นประโยชน์ และความสะดวกในการใช้พื้นที่ให้กับคนเมืองของ บริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ จึงได้มีการออกแบบสร้างทางเชื่อมไปยังสวนลุมพินี อีกหนึ่งพื้นที่สีเขียวของคนกรุง ที่มีเนื้อที่กว่า 360 ไร่ ทำให้เกิดการเชื่อมต่อของ 2 สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีเนื้อที่รวมกันกว่า 813 ไร่ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า สวนชินจุกุ เกียวเอ็น (Shinjuku Gyorn National Garden) สวนสาธารณะชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ที่มีพื้นที่ 58 เฮกตาร์ หรือ 362.5 ไร่ ถึง 2 เท่า ส่งเสริมให้เกิดการใช้พื้นที่อย่างไร้รอยต่อของประชาชน


สวนเบญจกิติ ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Universal Design ที่สอดรับกับวิถีชีวิตของคนทุกช่วงวัย เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวสามารถมาใช้พื้นที่ และเวลาร่วมกันตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย วิ่ง หรือปั่นจักรยาน กับเส้นทางที่มีความยาวถึง 7 กิโลเมตร ผ่านสะพานเขียวที่เชื่อมต่อไปยังสวนลุมพินี, เดินเล่นรับลมบน Sky walk, นั่งพักผ่อน / โยคะ บนผืนหญ้าใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ หรือทำกิจกรรม Outdoor อื่นๆ ซึ่งเป็น Function และคุณค่าดั้งเดิมของสวนสาธารณะ ที่มีไว้เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับคนเมืองที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ ได้เข้าถึงความเป็นธรรมชาติ มีอิสระในการใช้ชีวิต และ  เดินทางสะดวก สามารถเข้าถึงได้จากหลายเส้นทาง อาทิ สาทร สีลม อโศก พระราม 4 เป็นต้น


นอกจากการเป็นพื้นที่ที่เสริมสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับชุมชนเมืองแล้ว สวนเบญจกิติ ยังเป็นเสมือนปอดของคนเมืองที่มีส่วนช่วยกรองมลภาวะ บำบัดของเสีย และสร้างพลังงานสะอาดในเวลาเดียวกัน จากประโยคนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจว่า

“ทำไมคนกรุงอย่างเราถึงจำเป็นต้องมีพื้นที่สีเขียวเพื่อเป็นเสมือน “ปอด” ให้กับสังคมเมือง?”

และ

“สวนสาธารณะ จะมีส่วนช่วยในการกรองมลภาวะ บำบัดของเสีย และสร้างพลังงานสะอาดได้อย่างไร?”

จากปัญหาสิ่งแวดล้อมของสังคมเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่างปัญหาที่ทุกคนต่างมีประสบการณ์ร่วม คือปัญหาฝุ่นละออง 2.5 PM. ที่มาเยือนเราถี่ขึ้น และมีปริมาณความเข้มข้นสูงขึ้นในทุกๆครั้ง สะท้อนภาพมลภาวะทางอากาศที่ต้องการการดูแลแก้ไข ก่อนที่ปัญหาจะร้ายแรงและส่งผลต่อสุขภาพของคนเมืองในระยะยาวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ป่า และต้นไม้ คือหนึ่งทางออกของการเยียวยาตามธรรมชาติ ที่นอกจากจะช่วยกรองมลพิษแล้ว ยังผลิตอากาศบริสุทธิ์ออกมาทดแทนอีกด้วย


ไม่เพียงแต่ต้นไม้ใหญ่ที่สามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของสังคมเมือง แต่ระบบนิเวศทางน้ำภายในสวนเบญจกิติ ที่ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Wetland ก็มีส่วนช่วยในการบำบัดน้ำเสียจากคลองไผ่สิงโต ผ่านการจัดทำ Constructed Wetland ที่มีระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ให้น้ำเกิดการเคลื่อนที่เพื่อเติมอ๊อกซิเจน และเข้าไปสู่พื้นที่ที่เป็นจุดหน่วงน้ำ ทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำที่สามารถรองรับน้ำส่วนเกินในพื้นที่ข้างเคียงกรณีเกิดฝนตกหนัก หรือน้ำท่วมขังได้ถึง 128,000 ลบ.ม. มีการนำเอาพืชน้ำที่มีคุณสมบัติในการดูดซับสารพิษมาปลูก เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของทรัพยากรที่ไม่เพียงแต่ช่วยบำบัดน้ำเสียของสังคมเมือง แต่ยังสามารถนำมาใช้ในการดูแลตัวเองของสวนสาธารณะได้ ทั้งหมดนี้คือกระบวนการในการกรองมลภาวะ บำบัดของเสีย และผลิตพลังงานสะอาดให้กับชุมชนเมืองของสวนสาธารณะ พื้นที่สีเขียวที่เราอาจไม่เคยให้ความสำคัญ แต่แท้จริงแล้วมีความสำคัญกับชีวิตของเราอย่างมาก

“ปอด” เป็นอวัยวะสำคัญ มีหน้าที่ในการกรองของเสีย และเติมพลังงานสะอาดให้กับร่างกายมนุษย์ฉันใด “ป่ากลางเมือง” ก็มีความสำคัญ และทำหน้าที่ฉันนั้น

สวนเบญจกิติเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ผืนสุดท้าย ที่จะเป็นพื้นที่สีเขียวให้กับกรุงเทพฯ ที่มีการออกแบบ - พัฒนาให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน และแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมไปในเวลาเดียวกัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมือง ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


พร้อมกันหรือยังคะ ... ที่จะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ พาปอดของเราไปรับกลิ่นไอของธรรมชาติกับ สวนเบญจกิติ แห่งนี้ ที่เปิดให้บริการทุกวัน (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ตั้งแต่เวลา 05.00 – 21.00 น. โดยใช้ประตูเข้า - ออก ฝั่งถนนรัชดาภิเษกเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันสวนฯ ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ (คาดว่าจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 12 สิงหาคม 2565)

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เมื่อได้ทราบถึงความสำคัญของ สวนเบญจกิติ ที่เป็นเสมือน ปอด ใจกลางกรุงกันแล้ว ทำให้เราอยากหาเวลาไปพักผ่อน ชาร์จแบต เติมพลังให้กับร่างกายกันบ้างไหม? การเลือกหาที่พักสักแห่งที่เดินทางสะดวก รวมถึงมีสภาพแวดล้อมที่ดี อย่างโครงการ ดิ อิสสระ สาทร ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม โครงการคุณภาพจากชาญอิสสระ ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลสาทร-ถนนจันทน์ ที่เชื่อมต่อทุกการเดินทางให้คุณสามารถเข้าถึงพื้นที่สีเขียวอย่าง สวนลุมพินี ด้วยระยะเพียง 3.5 กิโลเมตร และเชื่อมต่อไปยังสวนป่ากลางกรุงอย่าง สวนเบญจกิติ ที่สามารถปั่นจักรยานชมเมืองแบบชิวๆ หรือจะย่อเวลาการเดินทางด้วย MRT ลงสถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ก็สะดวก ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในสไตล์คนเมืองที่เร่งรีบ แต่ก็มีช่วงเวลาให้ได้รีแลค ผ่อนคลาย ทำกิจกรรมขยับร่างกาย เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดี ให้คุณได้ “ใช้ชีวิตอิสระ ให้สุดในทุกด้าน” ในแบบที่เป็นคุณ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line OA : @Theissarasathorn , โทร : 02-308-2222 หรือ เว็บไซต์ www.charnissara.com/theissarasathorn


ขอบคุณข้อมูล

ไทยรัฐ , Thinkofliving , The Could